วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

การวัดพื้นที่



การวัดพื้นที่




หน่วยการวัดพื้นที่ในระบบเมตริก
                1   ตารางเซนติเมตร   เท่ากับ    100        หรือ        102   ตารางมิลลิเมตร
                1   ตารางเมตร            เท่ากับ    10,000   หรือ        104   ตารางเซนติเมตร
                1   ตารางกิโลเมตร     เท่ากับ    1,000,000 หรือ      106  ตารางเซนติเมตร
หน่วยการวัดพื้นที่ในระบบอังกฤษ
                1   ตารางฟุต               เท่ากับ    144         หรือ        122     ตารางนิ้ว
                1   ตารางหลา              เท่ากับ    9            หรือ        32       ตารางนิ้ว
                1   เอเคอร์                    เท่ากับ    4, 840     ตารางหลา
                1   ตารางไมล์              เท่ากับ    640         เอเคอร์   
              หรือ   1    ตารางไมล์     เท่ากับ    1, 7602       ตารางหลา
หน่วยการวัดพื้นที่ในมาตราไทย
                100    ตารางวา          เท่ากับ    1       งาน
                4        งาน                 เท่ากับ    1       ไร่
             หรือ     400     ตารางวา       เท่ากับ    1              ไร่
หน่วยการวัดพื้นที่ในมาตราไทยเทียบกับระบบเมตริก
                1       ตารางวา          เท่ากับ    4      ตารางเมตร
                1       งาน                   เท่ากับ    400         ตารางเมตร
หรือ        1       ไร่                      เท่ากับ    1, 600     ตารางเมตร
                1      ตารางกิโลเมตร  เท่ากับ    625         ไร่
หน่วยการวัดพื้นที่ในระบบอังกฤษกับระบบเมตริก ( โดยประมาณ )
                1              ตารางนิ้ว           เท่ากับ    6.4516   ตารางเซนติเมตร
                1              ตารางฟุต           เท่ากับ    0.0929   ตารางเมตร
                1              ตารางหลา         เท่ากับ    0.8361   ตารางเมตร
                1              เอเคอร์               เท่ากับ    4046.856 ตารางเมตร ( 2. 529 ไร่ )
                1              ตารางไมล์          เท่ากับ    2.5899   ตารางกิโลเมตร


http://www.kr.ac.th/ebook2/apichat/01.htmlวันที่ 5 กันยายน 2556



สูตรการหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของรูปเรขาคณิต




สูตรการหาพื้นที่ผิวและปริมาตรของรูปเรขาคณิตต่างๆ
ปริซึม
พื้นที่ผิวของปริซึม = พื้นที่ฐาน + พื้นที่ผิวข้าง
พื้นที่ผิวข้างของปริซึม = ความยาวรอบฐาน x ความสูง
ปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน x ความสูง
พีระมิด
พื้นที่ผิวของพีระมิด = พื้นที่ฐาน + พื้นที่ผิวข้าง
พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด = 1/2 x ความยาวรอบฐาน x สูงเอียง
ปริมาตรของพีระมิด = 1/3 x พื้นที่ฐาน x สูงตรง
ทรงกระบอก
พื้นที่ผิวของทรงกระบอก = 2¶rh + 2¶r2 หรือ 2¶r(h + r)
เมื่อ r เป็นรัศมีของทรงกระบอก และ h เป็นความสูงของทรงกระบอก
ปริมาตรของทรงกระบอก = ¶r2h
กรวย
พื้นที่ผิวของกรวย = ¶rl + ¶r2 หรือ ¶r(l + r)
เมื่อ r เป็นรัศมีของกรวย และ l เป็นความสูงเอียงของกรวย
ปริมาตรของกรวย = 1/3¶r2h
ทรงกลม
พื้นที่ผิวของทรงกลม = 4¶r2
ปริมาตรของทรงกลม = 4/3¶r3



                                     http://www.thaigoodview.com/library/contest2553/type1/math03/09/index.html
http://www.eduktc.com/main.php?inc=chap&chid=332
วันที่ 5 กันยายน 2556



ฟังก์ชั่นกำลังสอง



                   ฟังก์ชันกำลังสอง   (Quadratic function)
            ฟังก์ชันกำลังสองเป็นฟังก์ชันที่อยู่ในรูป    y   =   ax2 + bx + c   เมื่อ  a, b, c  เป็นจำนวนจริงใด ๆ  และ  a ¹ 0   ซึ่งกราฟของฟังก์ชันกำลังสอง เรียกว่า  พาราโบลา
1)     y  =  2x2 + 3x – 10     เมื่อ   a = 2 ,  b = 3   และ  c = -1
                                2)     y  =   x2 + 1                เมื่อ   a = 1 ,  b = 0   และ  c =  1
                                3)     y  =  -x2 + 2x + 1       เมื่อ   a = -1 ,  b = 2   และ  c = 1
                1)   กราฟของฟังก์ชันกำลังสอง ที่กำหนดด้วยสมการ    y  =  ax2   เมื่อ  a ¹ 0
                         กราฟของฟังก์ชันกำลังสอง   มีชื่อเรียกว่า  พาราโบลา  ซึ่งลักษณะของกราฟของฟังก์ชันขึ้นอยู่กับค่าของ  a , b  และ  c   และเมื่อ  a  เป็นบวกหรือลบ  จะทำให้ได้กราฟเป็นเส้นโค้งหงายหรือคว่ำ  และกราฟของฟังก์ชันกำลังสองที่กำหนดด้วยสมการ    y  =  ax2   เมื่อ  a ¹ 0       เมื่อ  a  > 0  และชนิดคว่ำ   เมื่อ   a < 0    
                สรุป                ลักษณะของกราฟที่กำหนดด้วยสมการ    y  =  ax2   เมื่อ  a ¹ 0
                                !  เมื่อ   a > 0  ได้พาราโบลาหงาย  จุดต่ำสุดอยู่ที่  (0, 0)
                                          เมื่อ   a < 0   ได้พาราโบลาคว่ำ   จุดสูงสุดอยู่ที่  (0, 0)
                                !  แกนสมมาตรคือ  แกน  Y   หรือเส้นตรง   X  =  0 , 
                                          สมการแกนสมมาตรคือ  X  =  0
                                !  เมื่อ   a > 0   ค่าต่ำสุดคือ  0  และ  เมื่อ  a < 0   ค่าสูงสุดคือ  0
                                !  | a |  ยิ่งมากกราฟยิ่งแคบ
                2)  กราฟที่กำหนดด้วยสมการ   y  =  ax2 + k   เมื่อ  a ¹ 0  และ k ¹ 0 
                         กราฟที่กำหนดด้วยสมการ   y  =  ax2 + k   เมื่อ  a ¹ 0  และ k ¹ 0  จะเป็นกราฟพาราโบลาที่มีจุดวกกลับหรือจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด  อยู่ที่ (0, k)  และแกนสมมาตรคือ  แกน  Y
                สรุป        ลักษณะของกราฟที่กำหนดด้วยสมการ    y   =   ax2 + k
                        ! ถ้า  a  >  0   ได้พาราโบลาหงาย   จุดต่ำสุดอยู่ที่  (0, k)  ค่าต่ำสุด  =  k
                                ถ้า  a  <  0   ได้พาราโบลาคว่ำ  จุดสูงสุดอยู่ที่  (0, k)   ค่าสูงสุด  =  k
                        ! แกนสมมาตรคือ  แกน  y  หรือเส้นตรง  x  =  0   สมการแกนสมมาตรคือ  x  =  0
                        ! ถ้า   k > 0   จุดวกกลับอยู่เหนือแกน  X
                                ถ้า   k < 0   จุดวกกลับอยู่ใต้แกน  X
                        ! ถ้า  a, k  มีเครื่องหมายเหมือนกัน  กราฟไม่ตัดแกน  X
                                ถ้า  a, k  มีเครื่องหมายต่างกัน  กราฟจะตัดแกน  X
                3.  กราฟของ   y  =  a(x – h)2     เมื่อ   a ¹ 0  และ h > 0 
                      3.1)  กราฟที่กำหนดด้วยสมการ    y   =   a(x – h)2    เมื่อ  a ¹ 0  และ  h  ¹ 0   จะเป็นกราฟ
พาราโบลาที่มีจุดวกกลับหรือจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดอยู่ที่  (h, 0) และแกนสมมาตรคือเส้นตรง  x = h
                     3.2)  กราฟของ   y  =  a(x – h)2     เมื่อ   a ¹ 0  และ  h < 0 
                                ถ้า  h < 0   จะได้สมการใหม่เป็น     y        =    a(x – (-h))2
                                                                                                  =    a(x + h)2
                สรุป        ลักษณะของกราฟที่กำหนดด้วยสมการ    y   =   a(x – h)2
                        !   ถ้า  a  >  0   ได้พาราโบลาหงาย   จุดต่ำสุดอยู่ที่  (h, 0)  ค่าต่ำสุด  =  0
                                 ถ้า  a  <  0   ได้พาราโบลาคว่ำ  จุดสูงสุดอยู่ที่  (h, 0)   ค่าสูงสุด  =  0
                        !   แกนสมมาตรคือ  เส้นตรง  x  =  h   สมการแกนสมมาตรคือ  x  =  h
                        !   h > 0   แกนสมมาตรอยู่ทางซ้ายของแกน  Y
                                 h < 0   แกนสมมาตรอยู่ทางขวาของแกน  Y
                4.  กราฟของฟังก์ชันกำลังสองที่กำหนดด้วยสมการ  y  =  a(x – h)2 + k  เมื่อ  a ¹ 0 ,  h ¹ 0
                    และ  k ¹ 0   จะเป็นพาราโบลาที่มีจุดวกกลับหรือจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดอยู่ที่  (h, k)  และมีแกนสมมาตรคือ  เส้นตรง  x  =  h
                สรุป        ลักษณะของกราฟที่กำหนดด้วยสมการ    y   =   a(x – h)2 + k
                        !  เมื่อ  a  >  0   ได้พาราโบลาหงาย   จุดต่ำสุดอยู่ที่  (h, k)  ค่าต่ำสุด  =  k
                                 เมื่อ  a  <  0   ได้พาราโบลาคว่ำ  จุดสูงสุดอยู่ที่  (h, k)   ค่าสูงสุด  =  k
                        !   ถ้า   k > 0   จุดวกกลับอยู่เหนือแกน  X
                                 ถ้า   k < 0   จุดวกกลับอยู่ใต้แกน  X
                        !   แกนสมมาตร  คือ  เส้นตรง  x  =  h   สมการแกนสมมาตรคือ  x  =  h
                        !   ถ้า  h > 0   แกนสมมาตรอยู่ทางซ้ายมือของแกน  Y
                                 ถ้า  h < 0   แกนสมมาตรอยู่ทางขวามือของแกน  Y
                        !   ถ้า  a  และ  k  มีเครื่องหมายเหมือนกันกราฟไม่ตัดแกน  X
                                 ถ้า  a  และ  k  มีเครื่องหมายต่างกันกราฟตัดแกน  X
                5.  กราฟที่กำหนดด้วยสมการ   y  =  ax2 + bx + c   เมื่อ    a ¹ 0   การเขียนกราฟควรจัดสมการให้อยู่ในรูป   
y   =   a(x – h)2 + k   จะทำให้เขียนกราฟได้ง่ายขึ้น 
                จากสมการ    y   =   ax2 + bx + c    สามารถเปลี่ยนให้อยู่ในรูป    y   =   a(x – h)2 + k   ได้โดยใช้ความรู้เรื่องกำลังสองสมบูรณ์  
          ตัวอย่าง    จงหาจุดวกกลับของกราฟของฟังก์ชัน     y   =   2x2 + 4x – 16     
               วิธีทำ     จาก             y      =     2x2 + 4x – 16
                                                        =     2(x2 + 2x – 8)
                                                        =     2{(x2 + 2x + 1) – 8 – 1}
                                                        =     2{(x + 1)2 – 9}  
                                                        =     2(x + 1)2 – 18
                                จะได้      h      =     -1  ,    k    =    -18
                                \    จุดวกกลับคือ   (-1, -18)


กราฟของเส้นตรง





สมการกราฟเส้นตรง

      1. สมการของกราฟเส้นตรงที่ขนานกับแกน x
    กำหนดให้ L เป็นเส้นตรงที่ขนานกับแกน x ดังนั้น เส้นตรง L ย่อมตั้งฉากกับแกน y และกำหนดให้เส้นตรง L ตัดแกน y ที่จุด (0, b)
    ถ้า b > 0 เส้นตรง L จะอยู่เหนือแกน x และห่างจากแกน x เป็นระยะ |b| หน่วย
    ถ้า b = 0 เส้นตรง L จะทับแกน x
    ถ้า b < 0 เส้นตรง L จะอยู่ใต้แกน x และห่างจากแกน x เป็นระยะ |b| หน่วย
สมการของกราฟเส้นตรงที่ขนานกับแกน x คือ y = b
     ตัวอย่างเช่น
      (1) เส้นตรงที่ขนานกับแกน x และอยู่เหนือแกน x เป็นระยะ 5 หน่วย มีสมการเป็น y = 5
      (2) เส้นตรงที่ขนานกับแกน x และทับแกน x มีสมการเป็น y = 0
      (3) เส้นตรงที่ขนานกับแกน x และอยู่ใต้แกน x เป็นระยะ 5 หน่วย มีสมการเป็น y = -5
           http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom14%5b1%5d.jpg    http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom15%5b1%5d.jpg   http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom16%5b1%5d.jpg
   2. สมการของกราฟเส้นตรงที่ขนานกับแกน y
     กำหนดให้ L เป็นเส้นตรงที่ขนานกับแกน y ดังนั้น เส้นตรง L ย่อมตั้งฉากกับแกน x และกำหนดให้เส้นตรง Lตัดกับแกน x ที่จุด (a, 0)
     ถ้า a > 0 เส้นตรง L จะอยู่ทางขวาของแกน y และห่างจากแกน y เป็นระยะ |a| หน่วย
     ถ้า a = 0 เส้นตรง L จะทับแกน y
     ถ้า a < 0 เส้นตรง L จะอยู่ทางซ้ายของแกน y และห่างจากแกน y เป็นระยะ |a| หน่วย
สมการของกราฟเส้นตรงที่ขนานกับแกน y คือ x = a
     ตัวอย่างเช่น
      (1) เส้นตรงที่ขนานกับแกน y และอยู่ทางขวาของแกน y เป็นระยะ 5 หน่วย มีสมการเป็น x = 5
      (2) เส้นตรงที่ขนานกับแกน y และทับแกน y มีสมการเป็น x = 0
      (3) เส้นตรงที่ขนานกับแกน y และอยู่ทางซ้ายของแกน y เป็นระยะ 5 หน่วย มีสมการเป็น x = -5
     http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom17%5b1%5d.jpg   http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom18%5b1%5d.jpg   http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom19%5b1%5d.jpg   
      3. สมการของกราฟเส้นตรงที่ไม่ขนานกับแกน x และไม่ขนานกับแกน y
      กำหนดให้ L เป็นเส้นตรงที่ไม่ขนานกับแกน x และไม่ขนานกับแกน y มีความชัน = m และผ่านจุด (x1, y1) 
http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom20%5b1%5d.jpg
จากรูปให้ (x, y) เป็นจุดใดๆบนเส้นตรง L
ความชันของเส้นตรง L ที่ลากผ่านจุด (x1, y1) และ (x, y) เท่ากับ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom21%5b1%5d.jpg
     http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/geom21%5b1%5d.jpg = m
                       y - y1 = m(x - x 1)
ดังนั้นสมการของกราฟเส้นตรงที่มีความชัน m และผ่านจุด (x1, y1) คือ y - y1 = m(x - x 1)
ตัวอย่างเช่น
(1) สมการของกราฟเส้นตรงที่มีความชันเท่ากับhttp://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/real14%5b1%5d.jpg และผ่านจุด (1, 2) คือ   y - 2 =http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/real14%5b1%5d.jpg (x-1)   หรือ 2x - 3y +4 = 0 
                     สรุป
1.ถ้า l เป็นเส้นตรงที่มีความชันเท่ากับ m และผ่านจุด (http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti8.gif) แล้ว
สมการของ l คือ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti9.gif =m(http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti4.gif )
     2.ถ้า l เป็นเส้นตรงที่มีความชันเท่ากับ m และมี  y-intercept =c  แล้ว
สมการของ l คือ     y  = mx+c
         3. ถ้า l เป็นเส้นตรงที่ผ่านจุด  http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti10.gif และ  http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti11.gif  โดยที่ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti12.gif   แล้ว
สมการของ l คือ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti9.gif =(http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti4.gif )
              4.ถ้า l เป็นเส้นตรงที่มี  x- intercept = a และ y-intercept =b เมื่อ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti13.gifแล้ว
สมการของ l คือ   http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/math/ti5.gif
5.สมการทั่วไปของเส้นตรง l คือ Ax+By+C=0 โดยที่ A,B และ C เป็นค่าคงตัวและ  A,B ไม่เป็นศูนย์พร้อมกัน
ถ้า A =0  และ  http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti18.gif  เส้นตรง l จะขนานกับ x
ถ้า  B=0  และ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti17.gif  เส้นตรง l จะขนานกับ Y
ถ้า http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti17.gif , http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti18.gif  และ C 0 เส้นตรง l จะผ่านจุด( 0,0 )
6. ถ้า B 0 เส้นตรง Ax+By+C=0 มีความขันเท่ากับhttp://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti6.gif และ y-interceptเท่ากับ http://www.krudung.com/webst/2552/501/29/images/ti16.gif